การต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์สำหรับผู้ที่เคยมีวีซ่าสหรัฐฯมาก่อน 

หมายเหตุ:

    • การต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์จะใช้เวลาประมาณ 15 วันทำการ ทางสถานทูตฯจะไม่คืนหนังสือเดินทาง หรือแจ้งสถานะการยื่นคำร้องต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์
    • การต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าวีซ่าของท่านจะได้รับการอนุมัติ
    • ในบางกรณี ผู้สมัครวีซ่าอาจได้รับการติดต่อจากสถานทูตฯ ให้เข้ารับการสัมภาษณ์วีซ่า
    • สำหรับนักบิน และลูกเรือ ไม่ควรต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์ หากท่านมีความจำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทางภายใน 15 วันทำการ
    • ไม่มีการต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์แบบเร่งด่วน
    • การต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์ให้บริการเฉพาะที่สถานทูตสหรัฐฯกรุงเทพฯเท่านั้น

ในหน้านี้:


ข้อมูลทั่วไป

หากท่านต้องการต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์ ท่านอาจมีคุณสมบัติในการยื่นใบสมัครของท่านทางไปรษณีย์ โดยท่านต้องมีคุณสมบัติทั้งหมดตามที่ระบุไว้ด้านล่าง หากท่านมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนหรือ มีความจำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทางภายใน 15 วันทำการ      คลิกที่นี่เพื่อทำการจองนัดสัมภาษณ์กับทางสถานทูตฯ หรือสถานกงสุลสหรัฐฯ

คุณสมบัติสำหรับการต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์

ท่านสามารถยื่นใบสมัครต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์ หากท่านมีคุณสมบัติทั้งหมดตามที่ระบุไว้ด้านล่างนี้

  • ท่านมีสัญชาติไทยหรือพำนักอยู่ในประเทศไทยพร้อมหลักฐานที่พำนักอยู่ในประเทศไทย
  • ท่านอยู่ในประเทศไทยในขณะที่สมัคร
  • วีซ่าสหรัฐฯของท่านยังไม่หมดอายุ หรือ หมดอายุแล้วไม่เกิน 48 เดือน (สี่ปี)
  • ท่านกำลังสมัครวีซ่าประเภทเดียวกันกับวีซ่าที่ท่านเคยได้รับในครั้งก่อน หรือ
  • ท่านได้รับการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุลและได้รับวีซ่าประเภทอื่น ซึ่งหมดอายุไม่เกิน 48 เดือน และวีซ่าที่ท่านเคยได้  รับในครั้งก่อนไม่ใช่ 
    • วีซ่านักการทูตหรือ ราชการ (A, C หรือ G วีซ่า)
    • วีซ่าธุรกิจ/ท่องเที่ยว (B1/B2)
    • วีซ่า J non-academic  (Au Pair, Summer Work Travel, Intern, Trainee, High School Exchange, CampCounselor)
  • หากวีซ่า B1/B2 ที่ท่านได้รับในครั้งก่อนมีคำระบุใดๆ ในช่อง Annotation ท่านจะต้องทำการจองนัดสัมภาษณ์กับทางสถานทูตฯ หรือสถานกงสุลสหรัฐฯ คลิกที่นี่ 
    • B1 Domestic employee
    • B2 Study incidental to visit
    • B1 Install
    • B1 Voluntary Service Program
  • ท่านไม่ได้กำลังยื่นต่อวีซ่า L Blanket
  • ท่านได้รับวีซ่าล่าสุดหลังจากท่านมีอายุ 14 ปี
  • ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสัญชาติที่ระบุอยู่บนหน้าหนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันของท่านตรงกับข้อมูลในวีซ่าที่ท่านเคยได้รับในครั้งก่อน
    • หากชื่อ และ/หรือ นามสกุลแตกต่างกับวีซ่าที่ท่านเคยได้รับในครั้งก่อน กรุณาแนบสำเนาใบเปลี่ยนชื่อ และ/หรือ นามสกุลที่ออกโดยหน่วยงานราชการ พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ
    • หากวันเดือนปีเกิด และ/หรือ สัญชาติไม่ตรงกับวีซ่าที่ท่านเคยได้รับในครั้งก่อน คลิกที่นี่เพื่อทำการจองนัดสัมภาษณ์กับทางสถานทูตฯ หรือสถานกงสุลสหรัฐฯ
  • วีซ่าล่าสุดที่ท่านได้รับไม่มีคำระบุใดๆ ในช่อง Annotation เช่น “Clearance Received” “Waiver Granted” หรือ “Fingerprints Waived”
  • ท่านไม่เคยถูกปฏิเสธวีซ่าสหรัฐฯ นับตั้งแต่ที่ท่านได้รับวีซ่าล่าสุด
  • ท่านไม่เคยถูกปฏิเสธการเดินทางเข้าสหรัฐฯ
  • ท่านไม่เคยถูกจับกุมในประเทศไทย หรือในสหรัฐฯ หรือในประเทศอื่นๆ
  • วีซ่าที่ท่านเคยได้รับในครั้งก่อน ไม่ได้ถูกยกเลิก
    • หากถูกยกเลิก คลิกที่นี่เพื่อทำการจองนัดสัมภาษณ์กับทางสถานทูตฯ หรือสถานกงสุลสหรัฐฯ
  • ท่านตอบคำถามทุกข้อว่า “ไม่” (No) ในส่วนที่เกี่ยวกับประวัติและความปลอดภัย (Security and Background) ในแบบฟอร์ม DS-160
  • ผู้สมัครที่ถือสัญชาติไนจีเรีย หรือ จีน ไม่มีคุณสมบัติในการยื่นใบสมัครประเภท F, M และ J ทางไปรษณีย์ คลิกที่นี่เพื่อทำการจองนัดสัมภาษณ์กับทางสถานทูตฯ หรือสถานกงสุลสหรัฐฯ

 

วิธีการสมัคร

โปรดทราบว่าผู้สมัครวีซ่าทางไปรษณีย์จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด หากท่านส่งเอกสารไม่ครบถ้วน อาจมีผลให้กระบวนการต่ออายุวีซ่าของท่านล่าช้า หรือท่านอาจได้รับการติดต่อเพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์กับทางสถานทูตฯ หรือสถานกงสุลสหรัฐฯ

ขั้นตอนที่ 1

กรอกแบบฟอร์ม DS-160  

กรุณาอ่าน วิธีการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 อย่างละเอียด ข้อมูลทั้งหมดที่กรอกนั้นถูกต้องและตรงตามความจริง หลังจากท่านได้ทำการกดยืนยัน (submitted) แบบฟอร์ม DS-160 ของท่านแล้ว ท่านจะไม่สามารถทำการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆได้อีก ศูนย์บริการข้อมูลไม่สามารถให้ความช่วยเหลือท่านในการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 นี้ได้

โปรดทราบ: ท่านจะต้องใช้เครื่องพิมพ์เพื่อพิมพ์ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS-160 ของท่านในขั้นตอนนี้ 

ขั้นตอนที่ 2

สร้างโปรไฟล และชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า  

โปรดศึกษาข้อมูลที่อธิบายไว้ในหน้าค่าธรรมเนียมวีซ่าซึ่งจะแสดงรายละเอียดของวีซ่าแต่ละประเภทและค่าธรรมเนียมทั้งในสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯและสกุลเงินบาท สำหรับรายละเอียดวิธีการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า กรุณาคลิกที่นี่หลังจากที่ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าเรียบร้อยแล้ว กรุณาเก็บใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าไว้ 

ขั้นตอนที่ 3

ล็อกอิน เข้าโปรไฟล์ของท่านด้วยรหัสผ่านเดิมที่ท่านได้กำหนดไว้ระหว่างขั้นตอนการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า เพื่อตอบคำถามและพิมพ์แบบฟอร์มยืนยันการต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์ที่มีหมายเลข UID และ QR โค้ด

ข้อมูลที่ท่านจะต้องกรอกในขั้นตอนนี้คือ

  • หมายเลขหนังสือเดินทางของท่าน
  • หมายเลขใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า (คลิกที่นี่หากท่านต้องการความช่วยเหลือในการค้นหาหมายเลขใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า) และ
  • หมายเลขบาร์โค้ด 10 หลักที่ระบุไว้บนใบยืนยันแบบฟอร์ม DS-160 ของท่าน

ขั้นตอนที่ 4 (ขั้นตอนสุดท้าย)  

เตรียมเอกสารและยื่นเอกสารที่จุดรับยื่นเอกสารของสำนักงานไปรษณีย์ไทย  ท่านสามารถดูที่ตั้งจุดรับยื่นเอกสารต่างๆได้โดย    คลิกที่นี่สำหรับกรุงเทพและปริมณฑล และคลิกที่นี่สำหรับจังหวัดอื่นๆ

กรุณาปฏิบัติตามขั้นตอนใน checklist ที่ระบุไว้บนแบบฟอร์มยืนยันการต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์ที่มีหมายเลข UID และ QR โค้ด และส่งเอกสารมายังสถานทูตสหรัฐฯ เมื่อผลการพิจารณาวีซ่าของท่านเสร็จสิ้นแล้ว สำนักงานไปรษณีย์ไทยจะจัดส่งหนังสือเดินทางและเอกสารคืนให้กับท่านตามที่อยู่ที่ท่านได้ระบุไว้

เอกสารที่ต้องใช้ในการต่ออายุวีซ่าทางไปรษณีย์

ผู้สมัครวีซ่าทุกท่านต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้

  1. แบบฟอร์มยืนยันการสมัครวีซ่าทางไปรษณีย์ที่มีหมายเลข UID และ QR โค้ด
  2. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันของท่านซึ่งจะต้องมีหน้าว่างอย่างน้อยสองหน้าเพื่อการติดวีซ่า
  3. หนังสือเดินทางเล่มเก่าที่มีวีซ่าสหรัฐฯที่ท่านได้รับล่าสุดซึ่งยังไม่หมดอายุ หรือ หมดอายุไม่เกิน 48 เดือน (หากวีซ่าดังกล่าวไม่ได้อยู่ในหนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน)
  4. ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS-160 ที่มีแถบบาร์โค้ด ซึ่งกรอกครบถ้วนและได้ทำการกดยืนยัน (submitted) ออนไลน์แล้ว
  5. รูปถ่ายสี สองรูป (ขนาด 5x5 เซนติเมตร หรือ 2x2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว มีอายุไม่เกินหกเดือน ไม่ได้มีการปรับแต่งหรือดัดแปลง ไม่สวมใส่แว่นตา คอนแทคเลนส์สี หรือหมวก) การยื่นรูปถ่ายที่ขาดคุณสมบัติอาจมีผลให้กระบวนการต่ออายุวีซ่าของท่านล่าช้า
  6. ใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า
  7. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ และ/หรือ นามสกุลที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (หากมีการเปลี่ยนแปลง) พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ
  8. สำหรับผู้สมัครที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยจะต้องยื่นหลักฐานที่พำนักอยู่ในประเทศไทย (เช่น ทะเบียนบ้าน สำเนาใบสำคัญถิ่นที่อยู่ หรือใบอนุญาตทำงาน)

เอกสารเพิ่มเติมสำหรับผู้สมัครที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี หรือผู้สมัครวีซ่าที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป

  • คลิกที่นี่สำหรับเอกสารและข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ

เอกสารเพิ่มเติมสำหรับการต่ออายุวีซ่า C1/D (ผ่านแดน/ลูกเรือ)

  • จดหมายรับรองการทำงานฉบับล่าสุด

เอกสารเพิ่มเติมสำหรับการต่ออายุวีซ่า F หรือ M (อย่าส่งเอกสารตัวจริงหากไม่ได้ระบุ)

  • แบบฟอร์ม I-20
  • แบบฟอร์ม I-901 (SEVIS Payment Confirmation)
  • สำเนาทะเบียนสมรสหรือใบสูติบัตรของคู่สมรสหรือบุตร
  • สำเนาหน้าวีซ่า F หรือ M ของผู้ถือวีซ่าหลัก
  • สำเนาใบรับรองผลการศึกษาฉบับล่าสุดของผู้ถือวีซ่าหลัก
  • สำเนาหลักฐานทางการเงิน ซึ่งครอบคลุมค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

เอกสารเพิ่มเติมสำหรับการต่ออายุวีซ่า J academic (อย่าส่งเอกสารตัวจริงหากไม่ได้ระบุ)

  • แบบฟอร์ม DS-2019 ซึ่งมีลายเซ็นของผู้สนับสนุนโครงการในสหรัฐอเมริกา (ลายเซ็นด้วยน้ำหมึกจริงหรือลายเซ็นดิจิทัล) พร้อมทั้งลายเซ็นของผู้สมัคร
  • แบบฟอร์ม I-901 (SEVIS Payment Confirmation)
  • สำเนาทะเบียนสมรสหรือใบสูติบัตรของคู่สมรสหรือบุตร
  • สำเนาหน้าวีซ่า J ของผู้ถือวีซ่าหลัก
  • สำเนาใบรับรองผลการศึกษาฉบับล่าสุดของผู้ถือวีซ่าหลัก
  • สำเนาหลักฐานทางการเงิน ซึ่งครอบคลุมค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

เอกสารเพิ่มเติมสำหรับการต่ออายุวีซ่า H, L, O, P, Q หรือ R (อย่าส่งเอกสารตัวจริงหากไม่ได้ระบุ)

  • สำเนาแบบฟอร์ม I-797 หรือ I-129 สำหรับวีซ่า L ที่ได้รับการอนุมัติและยังมีอายุการใช้งานของผู้ถือวีซ่าหลัก
  • สำเนาทะเบียนสมรสหรือใบสูติบัตรของคู่สมรสหรือบุตร
  • สำเนาวีซ่า H, L, O, P, Q หรือ R ของผู้ถือวีซ่าหลัก

การติดตามสถานะการจัดส่งเอกสารการต่ออายุวีซ่า

หากท่านยื่นเอกสารสมัครวีซ่าผ่านทางจุดรับยื่นเอกสารของสำนักงานไปรษณีย์ไทย กรุณาเก็บหลักฐานยืนยันการส่งเอกสารไว้กับตัว ท่านสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งเอกสารการสมัครวีซ่าได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานไปรษณีย์ไทยที่นี่